วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ลดต้นทุน 50% เพิ่มผลผลิต สร้างชีวิตที่ดีให้เกษตรกร

อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพหลัก ของคนไทยมาช้านานแล้ว เป็นอาชีพที่คอยสร้างอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต ผู้คนทุกอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ ต้องตรากตรำทำงานหนัก การเกษตรในช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้เกษตรกรยากจน สุขภาพ ย่ำแย่ลงทุกวัน
ถึงเวลาของเกษตรกรยุคใหม่ ยุคเกษตรอินทรีย์ด้วยผลิตภัณฑ์การเกษตรอินทรีย์ GSRI แล้ว!

ด้วยสโลแกนของบริษัทว่า " จีเอสอาร์ไอ คู่ใจเกษตรกร ปลอดภัยผู้ใช้ มั่นใจผู้บริโภค " ที่จะทำให้เกษตรกร มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เนื่องจากต้นทุนที่ใช้ในการผลิตที่ลดลง ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น การลดและเลิกใช้สารเคมีนอกจากจะทำให้เกษตรกรผู้ผลิต ห่างไกลจากการใช้สารเคมีที่เป็นพิษแล้ว ยังทำให้ผู้บริโภคผลิตผลทางการเกษตรเหล่านั้น ได้บริโภคพืชอินทรีย์หรือพืชปลอดสารพิษทำให้มีความปลอดภัยต่อสุขภาพอีกด้วย
เกษตรอินทรีย์ คืออะไร
เกษตร อินทรีย์คืออะไร เป็นคำพูดที่ไม่แน่ใจว่า ผู้คนจะเข้าใจลึกซึ้งมากน้อยเพียงใด ดังที่กล่าวมาแล้วว่าเกษตรอินทรีย์เกิดขึ้นในยุโรปดังนั้น
นิยาม ของเกษตรอินทรีย์จะแตกต่างกันไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานรับรองมาตรฐานเกษตร อินทรีย์ของแต่ละประเทศ ซึ่งมีความหมายที่แตกต่างจากผักไร้สารพิษ ผักปลอดภัยจากสารพิษ และผักอนามัยดังนี้
เกษตรอินทรีย์คือ
ระบบการผลิตที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมรักษาสมดุลย์ของธรรมชาติและความหลากหลายของทางชีวภาพโดยมีระบบการจัดการนิเวศวิทยา
ที่คล้ายคลึงกับธรรมชาติ
และ หลีกเลี่ยงการใช้สารสังเคราะห์ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและฮอร์โมนต่าง ๆ ตลอดจนไม่ใช้พืชหรือสัตว์ที่เกิดจากการตัดต่อทางพันธุกรรมที่อาจเกิดมลพิษใน สภาพแวดล้อม
เน้นการใช้อินทรีย์วัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยชีวภาพหรือปุ๋ยอินทรีย์ ในการปรับปรุงบำรุงให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ต้นพืชมีความแข็งแรงสามารถ ต้านทานโรคและแมลงด้วยตนเอง รวมถึงการนำเอาภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้ประโยชน์ด้วย ผลผลิตที่ได้จะปลอดภัยจากสารพิษตกค้างทำให้ปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค และไม่ทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมอีกด้วย

ข้อมูลการตลาดเกษตรอินทรีย์
ตลาดเกษตรอินทรีย์ของโลกในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 600,000 ล้านบาท โดยตลาดส่วนใหญ่อยู่สหภาพยุโรป 250,000 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 200,000 ล้านบาทและญี่ปุ่น 45,000 ล้านบาท โดยมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 25 ต่อปี ราคาสินค้าเกษตรอินทรีย์โดยทั่วไปจะสูงกว่าสินค้าปกติร้อยละ 25 – 50 อย่างไรก็ตามปริมาณสินค้าเกษตรอินทรีย์รวมทั้งโลกในปัจจุบันมีเพียงร้อยละ 1 ดังนั้นโอกาสและลู่ทางในการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ไปขายในตลาดโลกของประเทศไทยยังมีอยู่มาก
ปี พ.ศ. 2542 – 2546 กรม ส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดทำโครงการนำร่องการผลิตพืชอินทรีย์เพื่อการส่งออกร่วมกับบริษัทส่งออก จำนวน 6 บริษัทตั้งเป้าหมายการผลิตพืชอินทรีย์ 6 ชนิด เพื่อการส่งออก คือ หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดฝักอ่อน กล้วยไข่ สับปะรด กระเจี๊ยบเขียว และขิง เพื่อส่งไปจำหน่ายยังประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดโลก ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณปีละ 5 – 6 แสนล้านบาท
§ความต้องการของตลาดส่วนใหญ่เติบโตอยู่ในต่างประเทศเช่น §ประเทศในสหภาพยุโรปมีมูลค่าประมาณ 250,000 ล้านบาทต่อปี สหรัฐอเมริกามูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาทต่อปี
ประเทศญี่ปุ่นมีมูลค่าประมาณ 45,000 ล้านบาทต่อปี
§
โดยอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยร้อยละ 25 ต่อปี ราคาสินค้าเกษตรอินทรีย์โดยทั่วไปสูงกว่าสินค้าปกติร้อยละ 25.50 ปริมาณสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่มีอยู่ในตลาดโลกปัจจุบันมีเพียงร้อยละ 1ดัง นั้นโอกาสและลู่ทางในการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทยเพื่อส่งออกไป ขายในตลาดโลกยังมีอยู่มาก กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาศาสตร์ ได้จัดทำโครงการนำร่องการผลิตพืชอินทรีย์เพื่อการส่งออกร่วมกับบริษัทผู้ส่ง ออกของไทย ตั้งเป้าหมายการผลิตพืชอินทรีย์ 6 ชนิดเพื่อการส่งออกคือ หน่อไม้ฝรั่ง, ข้าวโพดฝักอ่อน, กล้วยไข่, สับปะรด, กระเจี๊ยบเขียว และขิงเพื่อส่งไปจำหน่ายยังประเทศสิงคโปร์, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยกำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการนี้ในปี พ.ศ. 2542 ถึงปี พ.ศ. 2544
กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้จัดงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์ จากประเทศไทย ณ ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2544 และ มีแผนที่จะนำเอาสินค้าเกษตรอินทรีย์คุณภาพดีจากประเทศไทย ออกไปแสดงในงานมหกรรมแสดงสินค้าที่ต่างประเทศจัดขึ้นในหลายประเทศ เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทย


ผลิตภัณฑ์ของเรา GSRI

ผลิตภัณฑ์ของเราทุกผลิตภัณฑ์ ได้ผ่านการค้นคว้า วิจัย และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ 100% กระบวนการผลิตที่เป็นขั้นตอนและทันสมัย มีการควบคุมคุณภาพอย่างต่อเนื่อง มั่นใจในคุณภาพได้อย่างแน่นอน
ผลิตภัณฑ์ที่มีการคัดสรรเป็นพิเศษจากGSRI
  1. ซุปเปอร์ไคโตซาน สำหรับพืชทุกชนิด
  2. ซุุปเปอร์ไคโตซาน สำหรับสัตว์
  3. ซุปเปอร์สมุนไพร
  4. ซุปเปอร์รสดีพืช
  5. ซุปเปอร์บิ๊กโต
  6. ปุ๋ยอินทรีย์ ชนิดเม็ด

แผนรายได้ ทางที่ 7 รายได้จากการประกันรายได้ MTA


แผนรายได้ ทางที่ 6 รายได้จากส่วนแบ่งของบริษัท(Bonus Pool)

แผนรายได้ ทางที่ 5 รายได้จากการพัฒนาธุรกิจ

แผนรายได้ ทางที่ 4 รายได้จากการบริหารองค์กร


โครงสร้างองค์กรและสมาชิก

  1. Agent สะสมยอดการขาย ได้ 500 PV
  2. Silver สะสมยอดการขาย ได้ 1,000 PV
  3. Gold สะสมยอดการขาย ได้ 2,000 PV
  4. Diamond สะสมยอดการขาย ได้ 4,000 PV
  5. Supervisor เป็น Diamond และมีลูกทีมเป็น Diamond 3 คน
  6. Manager เป็น Supervisor และมีลูกทีมเป็น Supervisor 3 คน
  7. Director เป็น Manager และมีลูกทีมเป็น Manager 3 คน
  8. President เป็น Director และมีลูกทีมเป็น Director 3 คน
  9. Crown President เป็น President และมีลูกทีมเป็น President 3 คน

แผนรายได้ ทางที่ 2,3 รายได้จากการแนะนำและค่าแนะนำลูกทีม


แผนการสร้างรายได้

เริ่มต้น! เพียงคุณสมัครเป็นเป็นสมาชิกของบริษัท ตามเงื่อนไข...สมัครสมาชิก...
คุณสามารถมีรายได้ ดังนี้
รายได้ ทางที่ 1กำไรจากการขายปลีก 20 - 30%
รายได้ ทางที่ 2,3 ค่าตอบแทนการแนะนำและผลตอบแทนจากการที่ช่วยให้ลูกทีมมีรายได้
รายได้ ทางที่ 4 ผลคอบแทนจากการบริหารองค์กร(UNI-LEVEL)
รายได้ ทางที่ 5 ผลตอบแทนจากการพัฒนาธุรกิจ
รายได้ ทางที่ 6 ผลตอบแทนจากส่วนแบ่งของบริษัท ( BONUS POOL )
รายได้ ทางที่ 7 ผลตอบแทนจากการประกันรายได้ MTA
และอื่นๆ อีกมากมาย
แผนรายได้ที่ได้แล้ว ยังได้อีกๆๆๆๆๆ แบบนี้มีที่ไหน สุดยอด!..สมัครสมาชิก

การสมัครเป็นสมาชิก

“ คนที่รวยที่สุดในโลก มองหาวิธีการสร้างเครือข่าย ในขณะที่คนอื่นๆ มองหางานประจำ .” จาก บทหนึ่งของหนังสือ ดัง ที่หลายๆคนเคยได้อ่าน มาแล้ว
สำหรับการตลาดเครือข่าย สินค้าควรจะต้องเป็น
สินค้า อุปโภค บริโภค
สินค้าต้องดี มีคุณภาพ
ในราคาที่เหมาะสม
แผนรายได้เอื้อประโยชน์ ทำง่าย
และ งานนี้ก็เป็นสุดยอด! งานที่คุณๆต้องการ แน่นอน!.. รวยได้ง่ายๆ กับ สินค้าคุณภาพ ผ่านการวิจัยพัฒนามาจากสถาบันและบุคคลที่น่าเชื่อถือ ราคาไม่แพง พร้อมกับแผนการตลาดที่เอื้อสิทธิประโยชน์ให้คุณรวยได้ง่ายๆ
ขั้นตอนการสมัครสมาชิก
  1. เตรียมเอกสารประกอบการสมัคร
  • สำเนาบัตรประชาชน 1 แผ่น
  • สำเนาบัญชีธนาคาร ( อะไรก็ได้ ) 1 แผ่น
  • ดาวโหลดแบบฟอร์มใบสมัคร
  • หรือ ติดต่อที่ ชูศักดิ์ 0817816950 เพื่อขอรับแบบฟอร์มใบสมัคร
2. ค่าสมัครสมาชิก 200 บาท... แต่ วันนี้สมัคร..ฟรี!..
3. กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนแล้ว ส่งเอกสาร กลับมาหาเราที่นี่
email : gsri_d@yahoo.co.th
Fax : 038-759-577 ( ก่อนส่ง Fax กรุณาโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้า 1 วัน )
หรือส่งมาที่ : ชูศักดิ์ พุทสร 70/32 อีสเทิร์นแลนด์ หมู่ 12 ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี 20000

ซุปเปอร์ไคโตซาน( สำหรับสัตว์)


เป็นโพลิเมอร์ซึ่งสกัดจากเปลือกกุ้ง เป็นสารชีวภาพจากธรรมชาติ 100% จึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้และผู้บริโภค ไม่มีสารพิษตกค้าง เหมาะสำหรับผสมอาหารสัตว์ หรือผสมน้ำให้สัตว์กิน ช่วยให้สัตว์แข็งแรง เจริญเติบโตได้ดี เหมาะสำหรับสัตว์น้ำ สัตว์บก ทุกชนิด
คุณประโยชน์
  1. คลุกเคลือบอาหารกุ้งหรือสัตว์น้ำอื่นๆ จะทำให้อาหารละลายช้า ( มากกว่า 12 ชั่วโมง ) ลดการสูญเสียอาหาร และช่วยให้น้ำไม่เน่าเสีย
  2. เป็นสารตั้งต้นในการสร้างเนื้อเยื่อ และเปลือกกุ้ง ช่วยลอกคราบได้ดี เจริญเติบโตเร็ว
  3. จับตรึงสารพิษในน้ำ ปรับสภาพน้ำได้ดี
  4. ช่วยยับยั้งเชื้อราในสัตว์
  5. เสริมสร้างให้ภูมิต้านทาน ทำให้สัตว์แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคในสัตว์ ลดการใช้วัคซีนและสารเคมี

สารปรับปรุงดินชนิดเม็ด GSRI


สารปรับปรุงดินชนิดเม็ด GSRI ประกอบด้วย ฮิวมิคแอซิด ซีโอไลท์ โดโลไมท์ ไคโตซาน อะมิโนแอซิด สาหร่ายทะเล และยังมีจุลินทรีย์ 12 สายพันธุ์ที่เป็นประโยชน์ ช่วยย่อยสลายเศษซากพืช ซากสัตว์ ปรับปรุงดินให้ดีขึ้น พืชปลูกใหม่จะแตกรากใหม่เร็วและมีจำนวนมาก ฟื้นฟูพืชที่สภาพทรุดโทรมให้กินปุ๋ย ส่งผลทำให้พืชดูดกินธาตุอาหารได้มากขึ้น และช่วยให้พืชแข็งแรงสามารถสร้างภูมิต้านทานโรคพืชได้ดี เมื่อใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีจะช่วยไม่ให้ปุ๋ยเคมีถูกชำระล้างได้ง่าย ทำให้ปุ๋ยเคมีที่ตกค้างในดินสามารถปลดปล่อยธาตุอาหารต่างๆออกมาให้กับพืชอย่างสม่ำเสมอ พืชจะได้รับประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ประหยัดการใช้ปุ๋ยเคมี ประหยัดค่าใช้จ่าย
สามารถใช้ได้ กับ ข้าว อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พืชไร่ต่างๆ พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ผล เช่น มะนาว ส้ม ทุเรียน มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ชมพู่และพืชผักได้ทุกชนิด

GSRI ซุปเปอร์สมุนไพร


เป็นสารป้องกันแมลง สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ 109 ชนิด มีการควบคุมขบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้สารบริสุทธิ์จากสมุนไพรครบถ้วนทั้ง 4 กลุ่ม คือ พืช สัตว์ แร่ รา ใช้หลักการของพิษวิทยานำสารพิษจากธรรมชาติ มาทำลายแมลง แต่ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลือดอุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนม
สมุนไพรที่นำมาใช้ในการสกัด อาทิ เช่น ตะไคร้หอม สะเดา ขี้เหล็ก ดีปลี บอระเพชร พริกไทย สาบเสือ พญาไร้ใบและสมุนไพรอื่นๆอีกมากมาย
คุณประโยชน์
  1. ป้องกันแมลง เชื้อรา และมีสารจับใบในตัว
  2. ช่วยทดแทน สารฆ่าแมลงที่นำเข้าจากต่างประเทศ
  3. ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมปลอดภัยทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค
  4. ในผักใบสามารถป้องกัน กำจัดหนอนชอนใบ เพลี้ยไฟ ไรแดง
  5. ป้องกันเชื้อราต่างๆ ได้
  6. กำจัด โดยเฉพาะ หนอน แมลง ที่ดื้อยา สารเคมี
  7. ใช้ได้กับพืชผักทุกชนิด

GSRI ซุปเปอร์-รสดีพืช



สารปรับปรุงดินชีวภาพ เพิ่มประสิทธิภาพปุ๋ย ลดการใช้ปุ๋ยเคมี 30 – 50 % ปลอดสารพิษ
ซุปเปอร์-รสดีพืช
เป็นสารปรับปรุงดินประกอบด้วยฮิวมิคแอซิด ซีโอไลท์ โดโลไมท์ และสารอินทรีย์จากพืช และแร่ธาตุจากธรรมชาติ และยังมีจุลินทรีย์ 8 สายพันธ์ ที่เป็นประโยชน์ ช่วยในการย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์ ปรับปรุงโครงสร้างดิน สร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคที่จะเกิดกับพืชได้ผลดียิ่งขึ้น
ใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมี สามารถทำการเคลือบปุ๋ยเคมีได้ดี โดยปุ๋ยเคมีจะไม่ถูกชะล้าง ไปกับน้ำโดยง่าย
ช่วยให้ปุ๋ยเคมีสามารถปลดปล่อยธาตุอาหารต่างๆออกมาให้กับพืชอย่างสม่ำเสมอ
ไม่สูญเสียธาตุอาหารไปกับดินโดยเปล่าประโยชน์ ช่วยนำพาป๋ยและธาตุอาหารต่างๆเข้าสุ่ต้นพืชได้ง่ายและรวดเร็ว
ช่วยปรับปรุงสภาพโครงสร้างดินให้ดีขึ้น พืชปลูกใหม่จะแตกรากเร็วและมากขึ้น ทำให้พืชดูดกินธาตุอาหารมากขึ้น
ช่วยกระตุ้นการแตกราก แตกกอดี ต้นใหญ่กว่าปกติ ต้านทานโรคแมลง พิ่มคุณภาพและผลผลิตได้มากกว่าปกติ
ลดการใช้ปุ๋ยเคมีลง 30 – 50 %
ใช้ได้กับ ข้าว อ้อย ยางพารา มันสำปะหลัง ปาลฃ์มน้ำมัน สับปะรด พืชไร่ พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ ทุกชนิด

GSRI ซุปเปอร์บิ๊กโต


เป็นสารอาหารที่สกัดจากธรรมชาติ อาหารพืชเข้มข้นที่อยู่ในรูป กรดอมิโนแอซิด และน้ำตาลสังเคราะห์โมเลกุลเดี่ยวและมีธาตุอาหารที่พืชต้องการอีกกว่า 10 ชนิด ช่วยระบบหายใจของพืชและการลำเลียงอาหารได้ดี ช่วยให้ผลโตเร็ว เร่งการเข้าสี เพิ่มน้ำหนัก สร้างความแข็งแรงของขั้วผล ป้องกันผลร่วง ผลแตก ช่วยย่นระยะเวลาการเก็บเกี่ยว เพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551

GSRI ซุปเปอร์ไคโตซาน


GSRI ซุปเปอร์ไคโตซาน เป็นสารธรรมชาติ 100% เป็นไบโอโพลิเมอร์ ธรรมชาติอย่างหนึ่ง มีส่วนประกอบที่สำคัญ ซึ่งอยู่ในรูป D-glucosamine ซึ่งพบได้ในธรรมชาติของสัตว์ เช่น ปู กุ้ง แมลงและเชื้อรา จึงเป็นสารธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
GSRI ซุปเปอร์ไคโตซาน ไม่ใช่ปุ๋ย ไม่ใช่ยา ไม่ใช่สารเคมี ไม่ใช่ฮอร์โมน ไม่ใช่วิตะมิน แต่เป็นอาหารพืชเข้มข้นจากสารธรรมชาติที่ช่วยให้พืชกินอาหารและปุ๋ยที่พืชต้องการได้ดีขึ้น จะช่วยให้พืชได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน โตเร็ว พืชแข็งแรง มีภูมิต้านทานสามารถป้องกันโรคและศัตรูพืช ได้ดียิ่งขึ้น
ประโยชน์ของ GSRI ซุปเปอร์ไคโตซาน
ช่วยให้ส่วนต่างๆของพืชแข็งแรง เช่น ราก ใบ ลำต้น ดอก เพิมผลผลิตสร้างภูมิคุ้มกันให้พืช สามารถป้องกันการเกิดโรคพืช ผลิตเอนไซม์ ผลิตสารลิกนิน สารแทนนิน ผลิตไคติเนส เพิมขึ้น GSRI ซุปเปอร์ไคโตซาน จะเคลือบ ลำต้น ใบ ดอกและผลให้แข็งแรง
ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน ฟื้นฟูจุลินทรีย์ในดิน ทำให้ดินร่วนซุย เกษตรกรได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้ใช้และผู้บริโภค
GSRI ซุปเปอร์ไคโตซาน เป็นอาหารเสริมพืช ชนิดเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพสูง สูตรมหัศจรรย์ ผลิตจากสารธรรมชาติ100% ไร้สารพิษ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สามารถนำไปใช้ได้ทันที ช่วยเพิ่มสารอาหาร สะสมความสมบูรณ์ให้แก่พืชและกระตุ้นการสร้าง ตา เร่งการออกดอก ทำให้ดอกสมบูรณ์ ช่วยผสมเกษร ติดผลดก ทำให้ขั้วเหนียวไม่หลุดร่วงง่าย ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น เพิ่มรสชาติผลไม้

ความรู้เกี่ยวกับ " ไคโตซาน "

คุณสมบัติไคโตซาน ปัจจัยการผลิตชีวภาพใช้ได้กับพืชทุกชนิด
จะกล่าวถึง" ไคติน ไคโตซาน " ซึ่งเรียกกันสั้นๆว่า " ไคโตซาน " เพราะว่าจะเป็นปัจจัยการผลิตแนวชีวที่สำคัญ ควบคู่กับปุ๋ยชีวภาพและฮอร์โมนชีวภาพสูตรต่างๆ ความจริงในเรื่องไคโตซาน มีการกล่าวขานกันมาหลายต่อหลายปีแล้ว แต่ว่าไม่มีผู้ผลิตที่มีวิสัยทัศน์ เวลาเขียนแนะนำเกษตรกร ก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร เพราะว่าไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้ว่ามีใครขาย มีตัวตนอย่างไร ขืนแนะนำไปแล้วมีคนอยากใช้ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาซื้อที่ไหน แต่วันนี้แนะนำ " ไคโตซาน " ได้แล้วเพราะว่ามีผู้ผลิตที่มีความตั้งใจจริงที่จะนำผลิตภัณฑ์อันมีประโยชน์ต่อเกษตรกรนี้ ให้ถึงมือเกษตรกรทั่วประเทศ
จากเอกสารของกลุ่มงานชีววิธี ส่วนบริหารศัตรูพืช กรมวิชาการเกษตร เขียนและบันทึกข้อมูลโดย ลาวัณย์ จิระพงษ์ ได้บอกว่า " ไคโตซาน เป็น ไบโอโพลิเมอร์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญในรูปของ D-glucosamine พบได้ในธรรมชาติ โดยเป็นองค์ประกอบอยู่ในเปลือกนอกของสัตว์พวก กุ้ง ปู แมลงและเชื้อรา เป็นสารธรรมชาติที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว คือเป็นวัสดุชีวภาพ ( Biomaterials ) ย่อยสลายตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยในการนำมาใช้กับมนุษย์ ไม่เกิดผลเสียและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมไม่เกิดการแพ้ ไม่ไวไฟ และไม่เป็นพิษ( Non phytotoxic )ต่อพืช นอกจากนี้ยังส่งเสริมการเพิ่มปริมาณของสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์
ในข้อเขียนยังระบุคุณสมบัติของไคโตซานที่เป็นประโยชน์ต่อพืช คือ การยับยั้งเชื้อราสาเหตุโรคพืช ได้แก่ ไวรัส แบคทีเรียและราสาเหตุโรคอื่นๆ กระตุ้นให้พืชผลิตสารลิกนินและแทนนิน เพื่อป้องกันการกัดกินทำลายของหนอนและแมลงศัตรูพืช ช่วยเพิ่มเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน เช่น ไตรโคเดอร์มา (ซึ่งจะไปทำลายราสาเหตุสาเหตุการเกิดโรคในดิน)
" ไคโตซาน " สามารถป้องกันกำจัด หนอนใยผัก หนอนคืบและหนอนชนิดอื่นๆ ป้องกันโรคแคงเกอร์ ใบจุด ราน้ำค้าง ใบติด ใบขาว รากเน่า ใบจุด โรคใบสีส้ม ใบลาย ฯลฯ ( สำนักพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร กรมวิชาการเกษตร )

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

หมดเวลาของยุคเกษตรเคมีแล้ว

การผลิตพืชผลทางการ เกษตรในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาสารเคมีที่ผ่านการสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์มาตลอด เนื่องจากเกษตรกรยังไม่มีความรู้ความเข้าใจถึงผลเสียในระยะยาวที่จะเกิดขึ้น จากการใช้สารเคมีเหล่านั้น อีกทั้งยังขาดความรู้ในผลิตพืชผลการเกษตรในรูปแบบของการเกษตรอินทรีย์อีก ด้วย
การใช้ทรัพยากรดินโดยไม่คำนึงถึงผลเสียของปุ๋ยเคมีสังเคราะห์ก่อให้เกิดความ ไม่สมดุลในแร่ธาตุ และกายภาพของดินทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ในดินนั้นสูญหายและไร้สมรรถภาพความไม่สมดุลย์นี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง กระบวนการนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ผืนดินที่ถูกผลาญไปนั้นได้สูญเสียความสามารถในการดูดซับแร่ธาตุ ทำให้ผลิตผลมี แร่ธาตุ วิตามิน และพลังชิวิตต่ำ เป็นผลทำให้เกิดการขาดแคลนธาตุอาหารรองของพืช พืชจะอ่อนแอขาดภูมิต้านทานโรค และทำให้การคุกคามของแมลงเชื้อโรคเกิดขึ้นได้ง่าย จึงจะนำไปสู่ใช้สารเคมีสังเคราะห์กำจัดวัชพืช ข้อบกพร่องเช่นนี้ก่อให้เกิดวิกฤติในห่วงโซ่อาหารและระบบการเกษตรของเรา ซึงก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่งในโลกปัจจุบัน

จากรายงานการสำรวจขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งประชาชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2543 พบว่าประเทศไทยมีเนื้อที่ทำการเกษตรอันดับที่ 48 ของโลก แต่ใช้ยาฆ่าแมลงเป็นอันดับ 5 ของโลก ใช้ยาฆ่าหญ้าเป็นอันดับ 4 ของโลก ใช้ฮอร์โมนเป็นอันดับ 4 ของโลก ประเทศไทยนำเข้าสารเคมีสังเคราะห์ทางการเกษตร เป็นเงินสามหมื่นล้านบาทต่อปี เกษตรต้องมีปัจจัยการผลิตที่เป็นสารเคมีสังเคราะห์ในการเพาะปลูก ทำให้เกิดการลงทุนสูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาผลผลิตในรอบ 20 ปีไม่ได้สูงขึ้นตามสัดส่วนของต้นทุนที่สูงขึ้นนั้นมีผลให้เกษตรขาดทุน มีหนี้สิน การเกษตรอินทรีย์จะเป็นหนทางของการแก้ปัญหาเหล่านั้นได้
การเกษตรสมัยใหม่ก่อให้เกิดปัญหาทางการเกษตรมากดังนี้
1. ความอุดมสมบูรณ์ลดลง
2. ต้องใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นทุกปีจึงจะได้รับผลผลิตเท่าเดิม
3. เกิดปัญหาโรคและแมลงระบาดทำให้เกิดความยุ่งยากในการป้องกันและกำจัด
4. แม่น้ำและทะเลสาบปนเปื้อนด้วยสารเคมีและความเสื่อมโทรมของดิน
5. พบสารเคมีปนเปื้อนในผลผลิตเกินปริมาณที่กำหนด ทำให้เกิดพิษภัยต่อผู้บริโภค
6. สภาพแวดล้อมถูกทำลายเสียหายจนยากที่จะเยียวยาให้กลับคืนมาดังเดิม
นอกจากนั้นการเลี้ยงสัตว์แบบอุตสาหกรรมซึงเป็นการเลี้ยงสัตว์จำนวนมากในพื้นที่จำกัด ทำให้เกิดโรค
ระบาดได้ง่ายจึงต้องใช้ยาปฏิชีวนะจำนวนมากทำให้ตกค้างในเนื้อสัตว์และไข่ ส่งผลต่อผู้บริโภค โรควัวบ้าที่เกิดขึ้นจึงเป็นเหมือนสัญญาณอันตรายที่บอกให้รู้ว่าการลี้ยง สัตว์แบบอุตสาหกรรมไม่เพียงเป็นการทรมานสัตว์ แต่อาจเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของมนุษย์ด้วย

ผลเสียจากการใช้สารเคมีทางการเกษตร
ในโลกของเรานี้ มีสารเคมีที่มนุษย์เราผลิตขึ้นประมาณ 600,000ชนิด ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือ 60,000 ชนิด ใช้ในชีวิตประจำวัน และมีสารเคมีเกิดขึ้นใหม่ปีละ 1,000 ชนิด สารเคมีที่ใช้ทางการเกษตรพบว่าเป็นยาป้องกันกำจัดศัตรูพืชมากกว่า 150 ชนิด องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติได้สำรวจพบว่า มีคนป่วยด้วยสารเคมีปีละ 750,000 คน และเสียชีวิตปีละประมาณ 50,000คน เสียชีวิตเนื่องจากน้ำไม่สะอาดปีละ 25,000 คน ผลเสียที่พบว่าเกิดจากการใช้สารเคมี คือทำให้ภูมิต้านทานลดลงอันเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็ง จากข้อมูลการเสียชีวิตในประเทศไทย ปี 2540 พบว่า คนไทยเสียชีวิตด้วยสาเหตุต่างๆ เรียงตามลำดับได้ดังนี้
อันดับ 1 อุบัติเหตุ 18เปอร์เซ็นต์
อันดับ 2 โรคหัวใจ 14เปอร์เซ็นต์
อันดับ 3 โรคมะเร็ง 9 เปอร์เซ็นต์
อันดับ 4 โรคตับ 3 เปอร์เซ็นต์
แต่ในระยะสองปีที่ผ่านมา (2544-2545) พบว่าคนไทยเสียชีวิตด้วยสาเหตุจากมะเร็งมาเป็นอันดับ 1 สองปีติดต่อกันแล้ว ปีละประมาณ 50,000 ราย โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการรับประทานอาหารที่ผิดๆ และมีสารปนเปื้อน นอกจากสารเคมีหลายชนิดเป็นสารก่อมะเร็งแล้ว ยังมีพิษต่อระบบประสาทและการทำงานของกล้ามเนื้อ และอาจทำให้ผู้ชายมีอสุจิอ่อนแอ ทำให้มีบุตรยาก
นอกจากมีผลเสียต่อสุขภาพและชีวิตแล้วการใช้เคมีนานๆยังทำให้แมลงมีความต้านทานต่อยาปราบศัตรูพืชอีกด้วยโดยเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2539 ประเทศอังกฤษได้รายงานว่าพบแมลงมากกว่า 500 ชนิด ต้านทานต่อยาฆ่าแมลงที่ฉีด ทำให้ต้องใช้ยาฆ่าแมลงในปริมาณที่มากขึ้น
ผลเสียอีกประการที่ตามมาคือทำให้พันธุ์พืชดั่งเดิมสูญหายโดยในประเทศสหรัฐอเมริการายงานว่าจากเดิมมีพันธ์พืชดั่งเดิม อยู่ประมาณ 80,000 ชนิด ปัจจุบันพบเหลืออยู่เพียง 150 ชนิด อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการทำเกษตรแบบสมัยใหม่ ในประเทศเยอรมัน ตลอดระยะ 20 ปี ที่ผ่านมาไม่พบสาหร่ายน้ำในแม่น้ำเกิดขึ้นเลย ในประเทศแคนนาดาในพื้นที่ 6 ไร่ 1 งาน จะพบว่ามีต้นไม้ขึ้นอยู่เพียง 1-5 ชนิด เท่านั้น
ประเทศออสเตรเลีย ปีพ.ศ. 2537 พบโลหะหนักปนเปื้อนในผักและผลไม้ที่ปลูกในนครซีดนีย์สูงกว่าปริมาณที่ยอมรับได้ 11เท่า
นอกเหนือจากนั้น ยังมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คือสารเคมีบางอย่างตกค้างอยู่ในระบบนิเวศน์นาน บางชนิดอยู่นานถึง 3 ปี